ปีศาจแดง ฌูแซ มารียู ดุช ซังตุช โมรีญู แฟลิช หรือ โชเซ มูรีนโย ปัจจุบันปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมทอตนัมฮอตสเปอร์ในพรีเมียร์ลีก เขากล่าวว่า “ตนไม่ได้ล้มเหลว ในตอนที่คุมทีม Manchester United” ก่อนหน้าที่เขาจะต้องมาเจอกับทีมเก่าในเกมพรีเมียร์ลีกที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้

โดย มูรีนโย หรืออีกชื่อหนึ่งคือคาราบาวคัพในปัจจุบัน และแชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีกร่วมกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามาคุมทีม และในซีซั่นต่อมาเขาพาทีมจบอันดับที่ 2 ในลีก พร้อมกับเป็นรองแชมป์เอฟเอคัพก่อนที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง

หลังฤดูกาลปี 2018-2019 ซึ่งมีบางคนมองว่าเขาล้มเหลวก็ ปีศาจแดง อย่างสิ้นเชิง

โดยโชเซ มูรีนโย ได้เผยถึงเรื่องนี้ไว้ว่าเอาไว้อยู่แล้วว่า “ผมคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะทำผลงานได้แบบนั้นผมไม่เคยมีปัญหากับสโมสรเลย บรรดาแฟนบอลต่างก็รู้ดีว่าผมทุ่มเทให้กับชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ผมได้แชมป์กับทีมที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ แชมป์ที่ผมไม่ได้ร่วมกับทีมเป็นแชมป์รายการที่ผมไม่มีทางคว้ามาครองได้อยู่แล้ว

ผมทุ่มเทสุดชีวิตให้กับสโมสรและทำงานแบบมืออาชีพอย่างเต็มที่เหมือนที่ผมทำอยู่เสมอ ภายในสโมสรแห่งนั้นผมมีเพื่อนหลายคน พวกเขาคือคนที่ผมพร้อมจะเป็นเพื่อนไปด้วยตลอดชีวิต คนที่ได้พบเจอในสโมสรต่างก็เป็นคนพิเศษ ผมมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับพวกเขา แต่ผมก็ต้องลืมความรู้สึกนั้นไปก่อนเวลา 90 นาที ในเวลา 90 นาทีที่ว่านั้น

พวกเขาอยากชนะและผมก็อยากชนะเหมือนกัน ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้แหละ” ทั้งหมดเป็นคำพูดของโชเซ มูรีนโย โดยทั้งสองทีมจะได้เจอกันในโปรแกรมของการแข่งขันเร็ว ๆ นี้  ซึ่งแฟนตัวจริงของสโมสรทั้งสองทีมห้ามพลาดเด็ดขาด ทั้งหมดที่ได้เล่ามานั้น เป็นข่าวของการแข่งขันคู่ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แฟนบอลลทุกคนห้ามพลาดเด็ดขาด กับโปรแกรมการแข่งขันนี้

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน

ถือเป็นผู้เล่นที่มีข่าวคึกโครมที่สุดในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพราะจาดอน ซานโช่ ปีกชาวอังกฤษของดอร์ทมุนด์ที่สร้างผลงานสุดหรูเอาไว้ ทำให้มีสโมสรยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีหมายตาพร้อมกันทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูไนเต็ด

ข่าวการซื้อขายดาวรุ่งตัวท็อปคนหนึ่งของวงการฟุตบอลมีมานำเสนอแบบรายวัน โดยเฉพาะหัวข้อข่าวการ

ย้ายทีมของ ซานโช่ ที่แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่มีความคืบหน้าแบบจริงจังมากที่สุด

ติดเพียงเรื่องเดียวที่มันทำให้ทุกอย่างไม่ได้บทสรุปง่ายๆ นั่นคือค่าตัวของนักเตะยังไม่เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย

ตั้งแต่ก่อนจะปิดฤดูกาลลากยาวจนเปิดตลาด ยูไนเต็ดกับดอร์ทมุนด์ติดแค่เรื่องเงินเท่านั้น จนทำให้ท้ายที่สุดดีลนี้ก็ไม่เกิดขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ดยังไม่พร้อมสำหรับการทุ่มจ่ายเงิน และดอร์ทมุนด์ไม่โอเคกับการลดราคา

จากถิ่นเอติฮัด สเตเดี่ยม จาดอน ซานโช่ ถือเป็นหนึ่งในบรรดาดาวรุ่งชาวผู้ดีที่กล้าออกไปพิสูจน์ฝีเท้า และสามารถทำมันได้สำเร็จ ผลงานของ ซานโช่ พุ่งเป็นปรอทแตก เจ้าตัวสามารถโชว์ให้เห็นทั้งทักษะการเล่น การเอาตัวรอดและการจบสกอร์ ไม่ใช่แค่ในระดับสโมสร แต่มันร่วมถึงการลงเล่นในฐานะตัวแทนทีมชาติอังกฤษด้วย

เมื่อออกไปพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งจริงได้เรียบร้อย มันก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับมาพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอสำหรับลีกที่ท้าทาย และเลือกวางไว้ก่อนอย่างพรีเมียรืลีก ในใจลึกๆ ของจาดอน ซานโช่ จึงน่าจะมีประเด็นลึกๆ เกี่ยวกับการลงเล่นในลีกบ้านเกิด โชว์ของและประกาศตัวชัดๆ ว่าเขาพร้อมสู้ในลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก พร้อมมาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางไปแสวงหาโอกาสที่ต่างประเทศ

แน่นอนว่าเมื่อการเจรจาเพื่อให้ได้ย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกล้มเหลว ดอร์ทมุนด์สามารถรักษานักเตะเอาไว้ได้เพราะไม่มีความจำเป็นต้องลดราคาให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น นักเตะอย่าง ซานโช่ ยังมีอายุน้อยพอที่จะโยกย้ายแบบทำกำไรได้อีกหลายปี เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ยอมจ่ายก็ไม่ต้องเอา

เมื่อไม่ได้ย้ายไปแมนฯ ยูไนเต็ด ซานโช่ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป คือการลงเล่นในฐานะนักเตะของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทว่าในฤดูกาลนี้เขากลับถูกจับตามมองว่าผลงานไม่ดีเหมือนเดิม รวมไปถึงถูกโยงว่าเป็นเพราะการไม่ได้ย้ายทีมนั่นแหละ

9 เกม 2 ประตู 2 แอสซิสต์ นี่คือผลงานในฤดูกาลนี้ของจาดอน ซานโช่ ถ้าเป็นนักเตะทั่วไปก็ไม่น่าเกลียด แต่สำหรับดาวเตะวัย 20 ปี ผลงานเท่านี้ถือว่าดร็อปลงไปมาก ผิดจากที่ผู้สันทัดกรณีและแฟนบอลคาดหวัง

เรื่องนี้ ซานโช่ รีบออกมาชี้แจงว่า มันไม่เกี่ยวกับการไม่ได้ย้ายไปเล่นพรีเมียร์ลีก หรือเรื่องที่แมนฯ ยูไนเต็ดเลือกไม่ซื้อเขา มันเป็นช่วงเวลาของการฟอร์มตกที่ใครๆ ก็เป็นได้ และเขากำลังพยายามเรียกจังหวะของตัวเองกลับมา ทั้งในเกมบุนเดสลีกา และในเวลาที่ลงรับใช้ทีมชาติด้วย

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน

ชั่วโมงนี้บรรดาสาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั่วทุกมุมโลกคงกำลังดื่มดำกับฝันหวานที่อยากให้เป็นภาพแห่งความจริงกับการหวนกลับมาค้าแข้งในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดอีกครั้งของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจากสื่อเมืองผู้ดีออกมาตีข่าวว่าทีมเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัยกำลังเอาจริงเอาจังกับการเจรจาคว้าตัวสุภาพบุรุษลูกหนังทีมชาติโปรตุเกสหวนคืนสู่บ้านเก่าอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนาหูมาตลอดโดยเฉพาะ..

การถูกจับไปเชื่อมโยงกับเจ้าพ่อลีกเอิงฝรั่งเศสอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมงต์  หลังจากมีข่าวแพลมออกมาว่ายูเวนตุสเตรียมแก้ปัญหาพิษวิกฤติโควิด-19 ด้วยการลดภาระค่าใช้จ่ายจากการขายเทพลูกหนังชาวโปรตุกีสวัย 35 ปีออกไปในช่วงซัมเมอร์หน้าแม้ว่าจะเหลือสัญญาอยู่กับทีมตราม้าลายถึงปี 2022 ก็ตาม

               แม้ว่าโรนัลโด้เพิ่งจะย้ายมาจากเรอัล มาดริดเมื่อปี 2018 แต่โรนัลโด้ก็ฟันค่าเหนื่อยจากทีมแชมป์กัลโช่เซเรียอาอิตาลีไปเป็นจำนวนมหาศาลถึงปีละ 28 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยปาเข้าไปถึง 1,120 บาท เลยทีเดียว  ทำให้หากยูเว่สามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายก้อนโตก้อนนี้ไปได้ก็คงเป็นการดีต่อการรับมือกับภาวะพิษเศรษฐกิจจากโควิด-19 ขณะเดียวกันนั้นถึงโรนัลโด้จะได้ลงซัลโวเป็นประจำแต่ก็ไม่ค่อยจะเป็นที่ถูกใจของกุนซือลูกหม้อยูเว่อย่างอันเดรีย ปีร์โล่สักเท่าไหร่จากสไตล์การเล่นที่มักจะออกแนว “บอลชายเดี่ยว” ไม่ค่อยที่จะเล่นเพื่อทีมอย่างเท่าที่ควร

               โอกาสการรีเทิร์นกลับมาสู่โรงละครแห่งความฝันของโรนัลโด้ก็เปิดกว้างออกจากการที่ปีศาจแดงพร้อมเดินหน้าเจรจาและทีมม้าลายเองก็พร้อมที่จะโละออกไป  ทำให้หากทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นและทั้งสองฝ่ายคุยกันได้อย่างลงตัวแล้วล่ะก็แฟนบอลผีแดงก็จะได้สมหวังกับการคืนทัพเร้ดอาร์มี่ของจอมพลังอย่างโรนัลโด้

               โรนัลโด้เคยเป็นหนึ่งในดวงใจของแฟนปีศาจแดงจากการที่เคยค้าแข้งอยู่ในช่วงปี 2003 – 2009 และก็ฝากผลงานระดับมาสเตอร์สพีคเอาไว้ให้จดจำจากการซัลโวไปเบ็ดเสร็จ 118เม็ดจากทั้งหมด 292 นัดในทุกรายการ  โดยโรนัลโด้ประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับแมนฯยูฯในยุคเฟื่องฟูที่อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

               โรนัลโด้พาแมนฯยูฯกวาดแชมป์ไปอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย และที่สำคัญนั่นก็คือโรนัลโด้เคยชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพอย่างละสมัยภายในชุดของปีศาจแดง

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน

บิลิช เป็นการกลับมาที่ยากลำบากในพรีเมียร์ลีกสำหรับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ทีมจากมิดแลนด์ได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยอัตโนมัติในช่วงสุดท้ายหลังจากฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม แต่คำนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อสู้ ในขณะที่มันยืนอยู่ เดอะ แบ๊กกี้ส์ กำลังอยู่ในอันดับที่ 18 ของตารางหลังจากที่ไม่สามารถชนะการแข่งขัน 7 รายการใด ๆ จากการเปิด

ในขณะที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ยากลำบากในสัปดาห์เปิดตัวเวสต์บรอมต้องเผชิญกับแมตช์ที่ ‘ชนะได้’ มากที่สุดแล้ว หนึ่งในนั้นคือเกมกับฟูแล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแชมป์เพลย์ออฟชนะได้แบบสบายๆ 2-0ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นทำให้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เดอะ ฮอว์ธอร์นก็ได้ รายงานจากเดลี่ เมล์เผยว่า สลาเวน

บิลิช มีความเสี่ยงหากพวกเขาล้มเหลวในการได้รับผลการแข่งขันกับท็อตแนม

ฮอตสเปอร์สสุดสัปดาห์นี้ มีการกล่าวว่าพายุได้ก่อตัวขึ้นเบื้องหลังโดยอดีตนายใหญ่ของเวสต์แฮมกล่าวว่าไม่มีความสุขกับการเคลื่อนไหวของสโมสรในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยเหตุนี้เวสต์บรอมวิชจึงประกาศตัวเลือกที่เป็นไปได้ในการแทนที่บิลิช ก่อนการหยุดพักเบรกทีมชาติ นี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

บิลิชถูกถามเกี่ยวกับตำแหน่งของเขาในงานแถลงข่าวก่อนเกมท็อตแน่มและกล่าวว่า “ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมานานและมีความกดดันอยู่เสมอ ผมคิดว่าเราจะทำได้ดีกว่านี้ พวกเราอยู่ล่างสุด? ไม่เราอยู่ในโซนตกชั้นทีละแต้ม

ผมมีความสุขไหม ไม่ แต่เราจะตื่นตระหนกและสูญเสียความเชื่อหรือไม่? ไม่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ด้วยปืนและหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น ๆ  เวสต์บรอมวิชเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นเต็มตัว หลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งในระยะที่แล้วและจำนวนสโมสรที่เพิ่มขึ้นในเที่ยวบินชั้นนำมันเป็นเรื่องที่ต้องขออย่างมากที่จะปรับตัวให้ชินกับชีวิตในเส้นทางที่รวดเร็ว

นั่นเป็นการเริ่มต้นที่น่าตกใจ การลงเล่น 7 เกมโดยไม่มีชัยชนะนั้นไม่ดีพอและเนื่องจากพวกเขาเล่นกับฟูแล่ม,ไบรท์ตันและเบิร์นลีย์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามันแย่ที่พวกเขายังไม่เก็บชัยชนะได้  แน่นอนว่ามีหนทางอีกยาวไกลในการใช้คำศัพท์นี้ แต่บางทีการนำคนอื่นเข้ามาจะเป็นการกระตุ้นกลุ่มและช่วยให้พวกเขาได้ผลลัพธ์ที่จำเป็นในการติดตาม

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน

โอเลย์ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอเวย์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาบอกว่า อย่าพึ่งเป็นกังวลกับผลงานของทีมด้วยการแข่งขันแค่นัดสองนัด เพราะทีมกำลังเตรียมแผนระยะยาว มองการเติบโตไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง

โซลชา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วนลูปกลับมาอีกครั้ง พ่ายคาบ้านในเกมพรีเมียร์ลีก

ให้กับ อาเซน่อล 0-1 ส่งผลให้ 4 เกมในโอลแทรฟฟอร์ด พวกเขายังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ที่หนักกว่านั้นคือแพ้ในบ้านไปถึงสามนัด และล่าสุดแพ้ให้กับ อิสตัลบูล 1-2 ในฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีก ส่งผลให้ตอนนี้มีข่าวลือว่าทีมปีศาจแดง เตรียมทาบทาม เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ เข้ามารับตำแหน่งแทน

และบ่อนพนันถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ ออกราคาให้ โอเลย์ กุนนาร์ โซลชา เป็นเต็งหนึ่งที่จะถูกไล่ออกเป็นคนแรก ซึ่งทาง โอเลย์ กุนนาร์ โซลชา ได้กล่าวว่า “ผมได้คุยกับสโมสรไปแล้ว เราวางแผนการทำทีมด้วยโปรเจคระยะยาว เราวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว เรากำลังสร้างทีมขึ้นมาใหม่ และทีมกำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

ผมได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายตั้งแต่เข้ามารับงานครั้งแรก และตอนนี้ทุกคนก็ยังหนุนหลังผมอยู่  แต่ผลการแข่งขันนัดหรือสองนัดมันตัดสินอะไรไม่ได้ เราต้องมองการไกล เราควรดูว่าทีมของเรากำลังเดินไปในเส้นทางไหน”

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 15 ของตารางพรีเมียร์ลีก เก็บได้ 7 คะแนนจากการลงสนาม 6 นัด ตามหลังทีมจ่าฝูง เซาแธมตั้น 9 คะแนน

ในส่วนของฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีก เก็บได้ 6 คะแนน จากการลงสนาม 3 นัด นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม โดยโปรแกรมการแข่งขันนัดต่อไป จะพบกับ เอฟเวอร์ตั้น ทีมอันดับที่ 5

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน

นักฟุตบอลอาชีพ จากข่าวคราวของอดีตแข้งเยาวชนทีมแมนซิตี้ ฆ่าตัวตาย เพราะจมปลักกับความผิดหวังที่ไม่ได้สัญญาจากทีมและไม่มีทีมให้ลงเล่น ปัญหานี้นับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กชาวอังกฤษหลายๆคน เพราะการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีอัตราการแข่งขันที่สูงมาก  

ทุกปี จะมีเยาวชนในอังกฤษ ราว 1.5 ล้านคน เข้ามาฝึก เพื่อได้เข้ารับเลือกเป็น นักฟุตบอลอาชีพ

ที่ได้ฝึกซ้อมกับทีมเยาวชน จนเมื่ออายุ 12 ปี ก็จะถูกสโมสรคัดเลือก เพื่อเข้าสู่ระบบการฝึกของสโมสร ซึ่งจะมีเพียง 1 % หรือ 15,000  คน เท่านั้น ที่สโมสรจะคัดเลือกเก็บไว้เพื่อปลุกปั้นต่อไป ทำให้นอกจากจะได้ฝึกซ้อมและเรียนรู้ทักษะแบบจริงจัง ยังอาจได้พบเจอกับดาวเตะทีมชุดใหญ่ รวมถึงได้สวัสดิการเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการเล่น ฟุตบอล ส่วนคนที่ถูกคัดออก แน่นอนว่าเกือบทั้งหมดฝีเท้าไม่ถึงที่จะเป็นนักฟุตบอลเป็นอาชีพได้ ทำให้เยาวชนจำนวน 99% ที่เหลือ ต้องกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาดังเดิม เพื่อไปประกอบอาชีพอื่นแล้วอาจหันเหไปเล่นฟุตบอลสมัครเล่นแทน

          ช่วงวัดใจอีกขั้นหนึ่งของนักเตะระดับเยาวชน ที่อยู่ในสังกัดสโมสร ก็คือสัญญานักเตะอาชีพ ซึ่งมักจะมอบให้กับนักเตะเมื่ออายุราว 16 ปี เพื่อคัดเลือกหัวกะทิจาก 15,000 เหลือ 1,500 เท่านั้น ที่จะได้เล่นให้กับทีมสำรองของสโมสร โดยนักเตะราว 13,500 ที่ถูกคัดออก อาจจะต้องไปซบทีมลีกรอง หรือลีกในต่างแดน

          ส่วนนักเตะเยาวชนที่ถูกคัดเลือกเป็น 1,500 รายสุดท้าย เมื่อถึงขั้นนี้ก็สามารถการันตีได้ว่าจะสามารถเป็นนักเตะอาชีพได้แน่นอน อยู่ที่ว่าจะเป็นนักเตะในระดับไหนเท่านั้น โดยหากยู่กับทีมไปเรื่อย ๆ จนอายุเกิน 23 ปี แล้วไม่สามารถขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ก็จำเป็นต้องย้ายไปเล่นทีมอื่น ซึ่งมีการันตีว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่หลายกรณีที่ย้ายออกไป สุดท้ายกลายเป็นดาวดังค่าตัวแพงระยับ ก็มีไม่น้อย

          ทั้งหมดนี้จึงทำให้เห็นความกดดัน พร้อมกับความเข้มข้นของการจะเป็นนักเตะอาชีพ ซึ่งทุกคนล้วนมีความฝัน แต่น้อยรายที่จะสามารถทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงได้

ติดตามข่าวสารในวงการฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะทำให้คุณไม่พลาดอย่างแน่นอน